ดอกไม้ไทย
วันนี้เราจะมาเเนะนำดอกประดู่ที่เป็นดอกไม้ประจำชาติของพม่าแร้วยังเป็นเครื่องหมายของราชนาวีอีกด้วย
๑๗.ดอกประดู่
ดอกประดู่ประดู่ ชื่อสามัญ Burma Padauk,Narra,Angsana Norra, Indian rosewood[4]ชื่อวิทยาศาสตร์ Pterocarpus indicus Willd. จัดอยู่ในวงศ์ถั่ว (FABACEAE หรือ LEGUMINOSAE) และอยู่ในวงศ์ย่อยถั่ว FABOIDEAE (PAPILIONOIDEAE หรือ PAPILIONACEAE)
ต้นประดู่ชนิดนี้ (ต้นประดู่บ้าน) เป็นต้นประดู่ที่พบเห็นได้ทั่วไป และเป็นพรรณไม้คนละชนิดกันกับต้นประดู่ดั้งเดิมของไทยหรือที่คนทั่วไปเรียกว่า“ต้นประดู่ป่า”ดอกประดู่นั้นแท้จริงแล้วมีถิ่นกำเนิดอยู่ที่ประเทศอินเดียเป็นดอกไม้ที่มีวิธีการขยายพันธุ์โดยการเพาะเมล็ดภาคกลางของบ้านเราจะเรียกว่าดอกประดู่แต่ถ้าเป็นทางภาคใต้จะเรียกว่าดอกสะโนสำหรับดอกประดู่นั้นเป็นไม้ยืนต้นขนาดใหญ่ มีลำต้นสูงโดยเฉลี่ย 25 เมตร เป็นพรรณไม้ที่ชอบแสงแดดค่อนข้างจัด ดังนั้นเราจึงจะเห็นว่ามีการปลูกดอกประดู่ตามริมถนนเป็นส่วยใหญ่ลักษณะดอกคือจะออกดอกรวมกันเป็นช่อคล้ายกับดอกขี้เหล็ก โดยดอกจะออกเป็นช่อสีเหลืองสดคล้ายดอกถั่ว ซึ่งดอกจะบานไม่พร้อมกัน แต่เมื่อบานแล้วจะส่งกลิ่นหอมอ่อนๆ ไปทั่วบริเวณ สำหรับช่วงเวลาที่ดอกประดู่บานนั้นจะอยู่ในช่วงเดือนพฤษภาคมถึงเดือนสิงหาคม
สรรพคุณ เปลือกต้นมีรสฝาดจัด มีสรรพคุณเป็นยาบำรุงร่างกาย แก่นเนื้อไม้ประดู่ มีรสขมฝาดร้อน มีสรรพคุณเป็นยาบำรุงโลหิต บำรุงกำลัง บำรุงธาตุในร่างกาย แก่นเนื้อไม้ใช้ต้มกับน้ำกินเป็นยาแก้ไข้ แก้พิษไข้ ส่วนรากใช้เป็นยาแก้ไข้แก้พิษไข้ แก่นเนื้อไม้ใช้ต้มกับน้ำกินเป็นยาแก้เสมหะ,ใบนำมาตากแห้งใช้ชงกับน้ำร้อนเป็นชาใบประดู่ นำมาดื่มจะช่วยบรรเทาอาการระคายคอได้ ช่วยแก้เลือดกำเดาไหล ด้วยการใช้แก่นเนื้อไม้นำมาต้มกับน้ำกินเป็นยา ผลมีรสฝาดสมาน มีสรรพคุณเป็นยาแก้อาเจียน เปลือกต้นใช้เป็นยาแก้ปากเปื่อย ปากแตก ส่วนยางก็มีสรรพคุณเป็นยาแก้โรคปากเปื่อยได้เช่นกัน ผลมีสรรพคุณเป็นยาแก้ท้องร่วงเปลือกต้นและยางมีสรรพคุณเป็นยาแก้อาการท้องเสียใช้เป็นยาแก้โรคบิด แก่นมีสรรพคุณเป็นยาขับยาเสมหะ ใบอ่อนนำมาตำให้ละเอียด ใช้เป็นยาพอกแผล พอกฝี จะช่วยทำให้ฝีสุกหรือแห้งเร็ว ใบอ่อนใช้ตำพอกแก้ผดผื่นคัน ส่วนแก่นก็มีสรรพคุณเป็นยาแก้ผื่นคันเช่นกัน
ดอกประดู่ประดู่ ชื่อสามัญ Burma Padauk,Narra,Angsana Norra, Indian rosewood[4]ชื่อวิทยาศาสตร์ Pterocarpus indicus Willd. จัดอยู่ในวงศ์ถั่ว (FABACEAE หรือ LEGUMINOSAE) และอยู่ในวงศ์ย่อยถั่ว FABOIDEAE (PAPILIONOIDEAE หรือ PAPILIONACEAE)
ต้นประดู่ชนิดนี้ (ต้นประดู่บ้าน) เป็นต้นประดู่ที่พบเห็นได้ทั่วไป และเป็นพรรณไม้คนละชนิดกันกับต้นประดู่ดั้งเดิมของไทยหรือที่คนทั่วไปเรียกว่า“ต้นประดู่ป่า”ดอกประดู่นั้นแท้จริงแล้วมีถิ่นกำเนิดอยู่ที่ประเทศอินเดียเป็นดอกไม้ที่มีวิธีการขยายพันธุ์โดยการเพาะเมล็ดภาคกลางของบ้านเราจะเรียกว่าดอกประดู่แต่ถ้าเป็นทางภาคใต้จะเรียกว่าดอกสะโนสำหรับดอกประดู่นั้นเป็นไม้ยืนต้นขนาดใหญ่ มีลำต้นสูงโดยเฉลี่ย 25 เมตร เป็นพรรณไม้ที่ชอบแสงแดดค่อนข้างจัด ดังนั้นเราจึงจะเห็นว่ามีการปลูกดอกประดู่ตามริมถนนเป็นส่วยใหญ่ลักษณะดอกคือจะออกดอกรวมกันเป็นช่อคล้ายกับดอกขี้เหล็ก โดยดอกจะออกเป็นช่อสีเหลืองสดคล้ายดอกถั่ว ซึ่งดอกจะบานไม่พร้อมกัน แต่เมื่อบานแล้วจะส่งกลิ่นหอมอ่อนๆ ไปทั่วบริเวณ สำหรับช่วงเวลาที่ดอกประดู่บานนั้นจะอยู่ในช่วงเดือนพฤษภาคมถึงเดือนสิงหาคม
สรรพคุณ เปลือกต้นมีรสฝาดจัด มีสรรพคุณเป็นยาบำรุงร่างกาย แก่นเนื้อไม้ประดู่ มีรสขมฝาดร้อน มีสรรพคุณเป็นยาบำรุงโลหิต บำรุงกำลัง บำรุงธาตุในร่างกาย แก่นเนื้อไม้ใช้ต้มกับน้ำกินเป็นยาแก้ไข้ แก้พิษไข้ ส่วนรากใช้เป็นยาแก้ไข้แก้พิษไข้ แก่นเนื้อไม้ใช้ต้มกับน้ำกินเป็นยาแก้เสมหะ,ใบนำมาตากแห้งใช้ชงกับน้ำร้อนเป็นชาใบประดู่ นำมาดื่มจะช่วยบรรเทาอาการระคายคอได้ ช่วยแก้เลือดกำเดาไหล ด้วยการใช้แก่นเนื้อไม้นำมาต้มกับน้ำกินเป็นยา ผลมีรสฝาดสมาน มีสรรพคุณเป็นยาแก้อาเจียน เปลือกต้นใช้เป็นยาแก้ปากเปื่อย ปากแตก ส่วนยางก็มีสรรพคุณเป็นยาแก้โรคปากเปื่อยได้เช่นกัน ผลมีสรรพคุณเป็นยาแก้ท้องร่วงเปลือกต้นและยางมีสรรพคุณเป็นยาแก้อาการท้องเสียใช้เป็นยาแก้โรคบิด แก่นมีสรรพคุณเป็นยาขับยาเสมหะ ใบอ่อนนำมาตำให้ละเอียด ใช้เป็นยาพอกแผล พอกฝี จะช่วยทำให้ฝีสุกหรือแห้งเร็ว ใบอ่อนใช้ตำพอกแก้ผดผื่นคัน ส่วนแก่นก็มีสรรพคุณเป็นยาแก้ผื่นคันเช่นกัน
ยางไม้ประดู่มีสารชนิดหนึ่งที่เรียกว่า “Gum Kino” สามารถนำมาใช้เป็นยาแก้โรคท้องเสียได้ แก่นเนื้อไม้ใช้เป็นยาแก้โรคคุดทะราด ด้วยการนำแก่นไม้มาต้มกับน้ำกิน เปลือกต้นมีรสฝาด มีสรรพคุณเป็นยาสมานบาดแผล
ภาพดอกประดู่
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น